เจ้าหน้าที่ AFC เดินทางมาตรวจสนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม เพื่อเช็กความพร้อมใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ

ประเทศไทย เตรียมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบสุดท้าย ในต้นปีหน้า (8-26 ม.ค. 2020) ซึ่งจะเป็นการคัดเลือก 3 ตัวแทนของทวีปเอเชีย ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ญี่ปุ่นด้วย

ล่าสุด เอเอฟซี ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจความพร้อมของประเทศไทย และตรวจสนามแข่งขันต่างๆ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(22 ก.พ.) ก็ได้ไปตรวจสนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม หรือ เมืองทอง สเตเดี้ยม รังเหย้าของทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

การเดินทางไปครั้งนี้ นำโดย เจ้าหน้าที่จากเอเอฟซี ซึ่งประกอบไปด้วย ยู จิน โฮ ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), เชลตัน กูลการนิ ฝ่ายสื่อและประชาสัมพันธ์, เชง ยิง ได ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), คูมาราซัน ชันดราน ฝ่ายการตลาดและพาณิชย์, โมฮาหมัด ราซากีดิน บิน ราซาลลี ฝ่ายบริการทั่วไป, ฟาดฮิล อัซรี บิน อิสมาอิล ฝ่ายออกแบบสนาม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากสมาคมฯ

ภายหลังการตรวจสนาม กานต์ จันรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า "ในส่วนตัวผมคิดว่า สนามของเรายังต้องมีการปรับปรุงนิดหน่อย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีการใช้งานสนามมาอย่างต่อเนื่อง สภาพตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่คิดว่าโดยรวมแล้ว ภายในสองอาทิตย์ ก็น่าจะสามารถทำให้มันกลายเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ได้"

"สำหรับผมสนามนี้ มันคือฟุตบอล สเตเดียม มันมีความพร้อมในการจัดการแข่งขัน อีกส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับเลย คือแมตช์ขนาดกลาง ที่คนไม่ได้เข้ามาชมเกมมากมาย ผมคิดว่าสนามแห่งนี้มีความจุและพอเหมาะพอดี ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ไม่ได้สูงมาก"

"ข้อดีของสนามแห่งนี้มีหลายอย่าง อย่างแรกคือที่นี่ เป็นฟุตบอล สเตเดียม ซึ่งมีขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และที่สำคัญคือเป็นฟุตบอล สเตเดียม อย่างแท้จริง ไม่มีลู่วิ่งระหว่างแฟนบอล กับ สนาม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็พร้อม นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ อาทิ การเดินทางเข้าออกก็ทำได้ง่าย, ที่จอดรถกว้างขวาง, การเดินทางก็ไม่ลำบาก ทุกอย่างสามารถยืดหยุ่นได้หมด"

"ส่วนจุดที่ต้องปรับปรุง ส่วนตัวผมมองว่าเป็นเรื่องห้องที่รับรองสื่อ ผมคิดว่าห้องรับรองสื่อมวลชนนั้นยังเล็กเกินไป ซึ่งทางสโมสรเองก็มีโปรแกรมที่จะขยายพื้นที่ตรงนี้ และทำให้สื่อมวลชนมีความอิสระมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พวกห้องฟังค์ชันรูมต่างๆ บางทีอาจจะติดกันเกินไป จนไม่สะดวกในการใช้งาน ซึ่งเราก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขในจุดนี้ ให้สนามพร้อมมากที่สุด"

สำหรับ สนาม เมืองทอง สเตเดี้ยม เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติมาแล้ว หลายรายการ อาทิ การแข่งขันฟุตบอลตามปฏิทินฟีฟ่า ระหว่างทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเคนยา เมื่อปลายปีก่อน รวมถึงทัวร์นาเมนต์ต่างๆ อาทิ ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี รอบสุดท้าย 2014

สำหรับ กฏ ระเบียบ ของประเทศเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของ เอเอฟซี มีดังนี้

กฏ ระเบียบ ของสนามแข่งขัน ที่ต้องมี 

1. จำนวนสนามแข่งขัน 3-4 สนาม และสนามฝึกซ้อม ไม่น้อยกว่า 8 สนาม
2. ความสว่างของไฟ ไม่น้อยกว่า 1,800 LUX
3. สภาพสนามต้องมีความสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์
4. ความจุไม่น้อยกว่า 10,000 ที่นั่ง พร้อมติดตั้งเก้าอี้ครบถ้วน
5. มีจอ LED ขนาดใหญ่
6. มีพื้นที่รับรอง VIP และ VVIP รวมกันไม่น้อยกว่า 50 ที่นั่ง
7. ห้องพักนักกีฬาไม่น้อยกว่า 4 ห้อง
8. ห้องอาบน้ำไม่น้อยกว่า 4 ห้อง ต่อ 1 ห้องแต่งตัว
9. ห้องสุขา ไม่น้อยกว่า 4 ห้อง ต่อ 1 ห้องแต่งตัว
10. โถสำหรับผู้ชายปัสสาวะ ไม่น้อยกว่า 4 ชุด ต่อ 1 ห้องแต่งตัว
11. มีที่นั่งภายในห้องแต่งตัวนักกีฬา ไม่น้อยกว่า 30 ที่นั่ง ต่อ 1 ห้องแต่งตัว
12. มีเตียงนวด และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ตู้เย็น, เครื่องปรับอากาศ และกระดานวางแผน
13. มีห้องอำนวยความสะดวก และห้องอเนกประสงค์ อาทิ ห้องพักผู้ตัดสิน, ห้องตรวจสารกระตุ้น, ห้องพยาบาล, ห้องทำงานสำหรับเจ้าหน้าที่เอเอฟซี, ห้องเด็กเก็บบอล, ห้องเก็บของ, ห้องทำงานสื่อ, ห้องแถลงข่าว, มิกซ์โซน
14. การติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
15. ที่นั่งของผู้ควบคุมการแข่งขัน และผู้ประเมินผู้ตัดสิน ต้องอยู่บริเวณกึ่งกลางสนาม และสามารถเชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสดได้
16. ที่นั่งสำหรับผู้วิเคราะห์การแข่งขัน สามารถนั่งได้อย่างน้อยสองคน พร้อมมีระบบไฟฟ้า

กฏ ระเบียบ ของสนามฝึกซ้อม ที่ต้องมี

1. ต้องติดตั้งระบบไฟส่องสว่างไม่น้อยกว่า 500 LUX
2. มีห้องอำนวยความสะดวก อาทิ ห้องแต่งตัว
3. ต้องมีประตูสำรอง, ประตูที่สามารถเคลื่อนย้ายได้
4. ต้องเป็นสนามแบบปิด
5. ต้องมีสนามซ้อมสำหรับผู้ตัดสิน โดยมีขนาดมาตรฐาน และลู่วิ่งสำหรับทดสอบสมรรถภาพ

โรงแรมที่พัก ที่ต้องมี

1. โรงแรมที่พักสำหรับ เจ้าหน้าที่เอเอฟซี จะต้องมีระดับ 4-5 ดาว อยู่ไม่ห่างจากสนามบินเกิน 100 กิโลเมตร และต้องเดินทางสะดวกในการไปยังโรงแรมที่พักของทีม ขณะที่สนามแข่งขัน และสนามฝึกซ้อม จะต้องเดินทางไม่เกิน 30 นาทีจากที่พัก

2. โรงแรมของทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน จะต้องมีระดับ 4-5 ดาว และต้องเดินทางถึงสนามซ้อมได้ภายใน 30 นาที

3. โรงแรมที่พัก จะต้องสามารถทำอาหารระดับนานาชาติ และมีอาหารฮาลาล

4. โรงแรมที่พัก จะต้องมีห้องฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ห้องประชุม และพอเพียงกับจำนวนทีมที่เข้าพัก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียฯ จะมีการตรวจสนามแข่งขัน ทั้ง 6 สนาม, สนามฝึกซ้อมทั้งหมด ในช่วงระหว่างวันที่ 19-26 กุมภาพันธ์ 2562 และจะให้การบ้านเพื่อให้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ การกีฬาแห่งประเทศไทย นำข้อบกพร่องต่างๆไปทำแผน และปรับปรุง พร้อมส่งรายงานภายในช่วงเดือนเมษายน

จากนั้นทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงในส่วนต่างๆให้ตรงตามข้อกำหนด ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย และจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้เอเอฟซีไปพิจารณาในช่วงเดือนพฤษภาคม

โดยทางเอเอฟซี จะมีการคัดเลือกสนามแข่งขันที่มีความพร้อมมากที่สุดจำนวน 4 สนาม เพื่อใช้แข่งขันในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต่อไป

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 จะมีการแข่งขันในช่วงเดือนมกราคม 2563 และคัดเลือก 3 ชาติ ผ่านเข้าไปเล่นในมหกรรมโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อไป

ฝากช่วงนาทีทองรับ5%ไปเลยฟรีๆ

แทงบอลออนไลน์ ฝากถอนได้ 24 ชม ฝาก-ถอนง่ายสุดๆ

สมัครสมาชิกใหม่รับโบนัสทันที 20% ของยอดฝากสูงสุดที่ 1,000 บาท

แนะนำเพื่อนรับไปเลย 20 % ของยอดฝากเพื่อน

โปรดีๆมีอีก เพียบ สนใจทักหาแอดมินได้เลยคะ


สนใจสมัครคลิ๊ก @okvegus